วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

20 อันดับ โบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก

20 อันดับ โบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก



   “สึนามิ” “แผ่นดินไหว” ทำเอาทุกข์หนัก จะมาไม่มา จะเกิดไม่เกิด พักเรื่องหวั่นวิตก หันหน้าเข้าวัดเข้า “โบสถ์” สถานแห่งการสงบจิตสงบใจกันบ้างก็ดี แม้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการรู้จักสะกดอารมณ์ข้างใน แต่คำว่า “บรรยากาศพาไป” ก็ยังมีส่วนเสมอ ยิ่งสถานแห่งธรรมสวยสดงดงามแค่ไหน ก็ยิ่งดึงดูดให้เราเข้าไปสัมผัสวิธีแห่งการเจริญภาวนามากขึ้นเท่านั้น แอบตะลึงงัน กับ 20 อันดับ โบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก
Beautiful Church In Shoreline Connecticut, USA 
Beautiful Church In Shoreline Connecticut, USA
A Church In Reykjavík, Iceland  
A Church In Reykjavík, Iceland
A Church In Copenhagen, Denmark  
A Church In Copenhagen, Denmark
 A Church In Limassol, Cyprus    
A Church In Limassol, Cyprus
Church of Saint Gregory of Neocaesarea in Moscow   
Church of Saint Gregory of Neocaesarea in Moscow
A Church In Kerala, India   
 A Church In Kerala, India
 A Church In Old Florida, USA    
A Church In Old Florida, USA
A Church In Old Boston, Massachusetts   
 A Church In Old Boston, Massachusetts
อะแฮ่มๆ ของบ้านเราก็ติดอันดับโลกด้วยนะ ปลื้มมมม!
Chaengwattana Community Church In North Bangkok    
Chaengwattana Community Church In North Bangkok
A Church In Kizhi, Russia    
A Church In Kizhi, Russia
A Church In New Mexico, USA    
A Church In New Mexico, USA
 A Church In Goa, India   
 A Church In Goa, India
A Church In Steinhausen, Germany   
A Church In Steinhausen, Germany
 A Church In Reykjavik, Iceland   
A Church In Reykjavik, Iceland
 Three Kings Church In Frankfurt, Germany    
Three Kings Church In Frankfurt, Germany
A Church In St. Casimir, Vilnius, Lithuania   
 A Church In St. Casimir, Vilnius, Lithuania
Riddarholm Church In Sweden    
Riddarholm Church In Sweden
Temple Church in North Dublin, Ireland   
Temple Church in North Dublin, Ireland
A Wonderful Church In  Moscow   
A Wonderful Church In Moscow
Russian Orthodox Church of the Nativity, Erie, Pennsylvania   
Russian Orthodox Church of the Nativity, Erie, Pennsylvania
———————————————–
 20 อันดับ โบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก

อ้างอิง
http://travel.mthai.com/world-travel/6190.html

20 เมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก

 20 เมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก


20. เมืองพาราณสี (Varanasi) ประเทศอินเดีย
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,000 ปีก่อนคริสตกาล
“เมืองพาราณสี” ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำคงคา เดิมมีชื่อว่า “เบนาเรส” ถือเป็นเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งในศาสนาพุทธและฮินดู ตามตำนานเล่าว่าเมืองพาราณสีสร้างขึ้นโดยพระศิวะเมื่อเกือบ 5 พันปีก่อน แต่นักวิชาการสมัยใหม่เชื่อว่าพาราณสีน่าจะมีอายุกว่า 3 พันปีเท่านั้น
19. เมืองคาดิซ (Cadiz) ประเทศสเปน
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,100 ปีก่อนคริสตกาล
เมืองคาดิซตั้งอยู่บนแหลมที่ยื่นออกไปในอ่าวคาดิซ (มหาสมุทรแอตแลนติก) เป็นที่ตั้งของกองทัพเรือสเปนมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ในยุคแรกๆ เมืองนี้เคยถูกพ่อค้าชาวฟีนิเชียใช้เป็นจุดซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า ต่อมาได้ตกเป็นอาณานิคมของชาวคาร์เธจ (ราว 500 ปีก่อนคริสตกาล) และได้กลายเป็นฐานในการแย่งชิงดินแดนในคาบสมุทรไอบีเรียของแม่ทัพฮานนิบาล ในเวลาต่อมาเมืองคาดิซได้ตกเป็นของชาวโรมัน และมัวร์ ตามลำดับ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) ในยุคการสำรวจทางทะเล
* 3 อันดับต่อไปนี้ก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกัน *
16. เมืองธีบส์ (Thebes) ประเทศกรีซ
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล
ซากป้อมปราการในยุคโบราณ
ในอดีตธีบส์ เคยเป็นศัตรูตัวฉกาจของชาวเอเธนส์โบราณ ทั้งยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุด (และเป็นผู้นำ) แห่งแคว้นโบเธีย ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างสปาร์ตากับเอเธนส์ (ในสมัยโบราณดินแดนต่างๆ ของกรีก มักจะทำสงครามสู้รบกันเองแม้จะอยู่ในดินแดนกรีกแต่ธีบส์กลับเลือกยืนอยู่ข้างชาวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นศัตรูที่มักบุกเข้ามาทำสงครามกับกรีกหลายครั้ง ถึงขนาดให้ความช่วยเหลือกษัตริย์เซอร์เซส ที่นำกองทัพเปอร์เซียบุกเข้าโจมตีกรีก เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่าชนเผ่าไมซีเนียนเป็นผู้บุกเบิกและเข้ามาก่อตั้งถิ่นฐานที่เมืองธีบส์เป็นกลุ่มแรกๆ  ปัจจุบัน อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่อย่างเมืองธีบส์กลับกลายเป็นเพียงมาร์เก็ตทาวน์เล็กๆ แต่เนื่องจากมีทัศนียภาพที่งดงามจึงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมเยียนเสมอ
16. เมืองลาร์นาคา (Larnaca) ประเทศไซปรัส
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล
เมืองลาร์นาคา ก่อตั้งโดยชาวฟีนิเชีย ในอดีตมีชื่อว่า “Citium” ปัจจุบัน เป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองรีสอร์ทริมทะเลที่ขึ้นชื่อ โดยมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นแนวต้นปาล์มที่สวยงามริมชายหาด ซึ่งมีอยู่หลายแห่งด้วยกัน
16.  เมืองเอเธนส์ (Athens) ประเทศกรีซ
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล
เอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นของอารยธรรมตะวันตกและเป็นต้นกำเนิดของประชาธิปไตย ทั้งยังเป็นที่ตั้งของวิหารพาร์เธนอนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2530 รวมทั้งโบราณสถานเก่าแก่สมัยกรีก โรมัน ไบแซนไทน์ และออตโตมัน ปัจจุบัน ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโลก และมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเดินทางไปเยือนในแต่ละปี
15. เมืองบัลข์ (Balkh) ประเทศอัฟกานิสถาน
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล
กำแพงแห่งบัลข์
บัลข์ หรือที่รู้จักกันในยุคกรีกโบราณภายใต้ชื่อ “แบคตรา” (เป็นเมืองหลวงของอาณาจักร  “แบคเตรีย” หรือดินแดนโบราณยุคประวัติศาสตร์ในเอเชียกลาง) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถาน ครั้งหนึ่งเคยได้รับสมญานามจากชาวอาหรับว่าเป็น ‘Mother of Cities’  มีความเจริญรุ่งเรืองมากในสมัย  2,500-1,900 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนที่อาณาจักรเปอร์เซียและมีเดียจะเรืองอำนาจ ปัจจุบัน ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตฝ้ายประจำภูมิภาค
14. เมืองกีร์กูก  (Kirkuk) ประเทศอิรัก
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,200 ปีก่อนคริสตกาล
กีร์กูก อยู่ห่างไปทางตอนเหนือของกรุงแบกแดดราว 150 ไมล์ (241 ก.ม.) ตั้งอยู่บนพื้นที่ๆ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิแอสซีเรีย (ส่วนหนึ่งของเมโสโปเตเมีย) ที่มีชื่อว่า “Arrapha” แม้ว่าปัจจุบัน  กีร์กูก จะกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของอิรัก แต่กำแพงและซากปรักหักพังของป้อมปราการเก่าแก่อายุเกือบ 5 พันปียังคงปรากฏให้เห็นตราบจนกระทั่งทุกวันนี้
13. เมืองอาร์บิล (Arbil) ประเทศอิรัก
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,300 ปีก่อนคริสตกาล
เมืองอาร์บิล ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองกีร์กูก  ในอดีตเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิแอสซีเรีย เปอร์เซีย ซาสซาเนีย  อาหรับ และออตโตมัน   ทั้งยังเคยเป็นเมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหมในสมัยโบราณ  ปัจจุบัน ป้อมปราการและกำแพงเมืองเก่าแก่ที่อยู่สูงจากระดับพื้นดิน 26 เมตรของเมืองอาร์บิล ยังคงปรากฏให้เห็นและถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง
12. เมืองไทร์ (Tyre) ประเทศเลบานอน
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,750  ปีก่อนคริสตกาล
เมืองไทร์ เป็นต้นกำเนิดของตำนาน “เทพียูโรปา” และ “เจ้าหญิงดิโด้ (Dido) หรือ Elissa” นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกที่มีชื่อว่า เฮโรโดตัส (Herodotus) ซึ่งได้รับสมญานามว่า “บิดาแห่งประวัติศาสตร์” เป็นผู้บันทึกเอาไว้ว่าเมืองไทร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 2,750  ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตเมืองนี้เคยถูกอเล็กซานเดอร์มหาราช (กรีก) บุกเข้ายึดครอง ต่อมาได้รับเอกราชและกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของโรมัน ปัจจุบัน เมืองไทร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากมีโบราณสถานและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โรมัน ฮิปโปโดรม” ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522 )
11. เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) ประเทศอิสราเอล
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,800  ปีก่อนคริสตกาล
เยรูซาเล็ม เป็นศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณของชาวยิว และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับที่ 3 ในศาสนาอิสลาม ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางศาสนาหลายแห่ง อาทิ โดมทองแห่งเยรูซาเล็ม (ในภาพ) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างของอิสลามที่เก่าที่สุดในโลก, กำแพงตะวันตก หรือกำแพงร้องไห้,  โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ และสุเหร่า อัล-อักซา เป็นต้น ในอดีตเยรูซาเล็มเคยถูกข้าศึกล้อม 23 ครั้ง ถูกโจมตี 52 ครั้ง ถูกยึด 44 ครั้ง และถูกทำลาย 2 ครั้ง
10. เมืองเบรุต (Beirut) ประเทศเลบานอน
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 3,000  ปีก่อนคริสตกาล
เบรุต เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 5 พันปี ปัจจุบันเป็นทั้งเมืองหลวง ศูนย์กลางการบริหาร วัฒนธรรม  และเศรษฐกิจ ของประเทศเลบานอน จากการขุดค้นทางโบราณคดีปรากฏหลักฐานของชาวฟินิเชีย อารยธรรมเฮลเลนิสติก โรมัน อาหรับ และออตโตมัน (ทั้งยังถูกกล่าวถึงเป็นลายลักษณ์อักษรในจดหมายที่ส่งถึงกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ ในสมัยศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาลอีกด้วย) หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมือง เบรุต ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา จึงได้รับการจัดอันดับจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ ว่าเป็นสุดยอดสถานที่ที่ควรไปเยือนในปี 2009 และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในโลก ประจำปี 2009 โดยโลนลี่ แพลนเน็ตอีกด้วย
9. เมืองกาเซียนเต็ป (Gaziantep) ประเทศตุรกี
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 3,650  ปีก่อนคริสตกาล
เมืองกาเซียนเต็ป ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศตุรกี ใกล้พรมแดนประเทศซีเรีย มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ยุคของชาวฮิทไทท์ซึ่งเป็นชนโบราณ บริเวณใจกลางเมืองเป็นที่ตั้งของป้อมปราการราวันด้า ที่ถูกบูรณะซ่อมแซมโดยอาณาจักรไบแซนไทน์ในสมัยศตวรรษที่ 6  และเป็นที่ซึ่งมีการค้นพบศิลปะแบบโมซาอิของชาวโรมัน
* 3 อันดับต่อไปนี้ก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกัน *
6. เมืองพลอฟดิฟ (Plovdiv) ประเทศบัลแกเรีย
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,000  ปีก่อนคริสตกาล
พลอฟดิฟ เป็นเมือง (จังหวัด) ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศบัลแกเรีย ก่อตั้งโดยชาวเทรเชียนโบราณ ต่อมาได้กลายเป็นเมืองสำคัญของชาวโรมัน หลังจากนั้นจึงตกอยู่ภายใต้การครอบครองอาณาจักรไบแซนไทน์ และออตโตมัน ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศบัลแกเรีย เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญ ทั้งยังมีโบราณสถานและอารยธรรมโบราณหลายแห่งหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน อาทิ อัฒจันทร์และรางน้ำสมัยโรมัน ตลอดจนโรงอาบน้ำของจักรวรรดิออตโตมัน เป็นต้น
6. เมืองไซดอน (Sidon) ประเทศเลบานอน
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,000  ปีก่อนคริสตกาล
เมืองไซดอน อยู่ห่างไปทางตอนใต้ของเมืองเบรุตราว 25 ไมล์ (40 ก.ม.) ถือเป็นเมืองสำคัญที่สุด และ (อาจ) เก่าแก่ที่สุดของชาวฟินิเชีย ทั้งยังเป็นรากฐานด้านการค้าอันยิ่งใหญ่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของชาวฟินิเชียอีกด้วย กล่าวกันว่า ครั้งหนึ่งพระเยซูและเซนต์ปอล เคยเดินทางไปเยือนเมืองไซดอน รวมทั้งอเล็กซานเดอร์มหาราชที่บุกยึดเมืองกล่าวเมื่อ 333 ปีก่อนคริสตกาลด้วย
6. เมืองฟายุม (Faiyum) ประเทศอียิปต์
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,000  ปีก่อนคริสตกาล
ฟายุม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองไคโร บนพื้นที่ๆ เคยเป็นส่วนหนึ่งของเมือง “Crocodilopolis” หรือ “อาร์สินี” ในสมัยอียิปต์โบราณซึ่งเคารพบูชาจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อว่า “Petsuchos “  ปัจจุบัน เมืองฟายุม มีห้างร้านขนาดใหญ่ มัสยิด และโรงอาบน้ำหลายแห่ง ทั้งยังมีปิรามิด  Lehin และ Hawara ตั้งอยู่บริเวณด้านนอกของตัวเมืองอีกด้วย
5. ซูซา (Susa) ประเทศอิหร่าน
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,200  ปีก่อนคริสตกาล
ในอดีต “ซูซา” เคยเป็นเมืองหลวงของเอลามหรือจักรวรรดิเอลาไมท์ ก่อนที่จะถูกจักรวรรดิอัสซีเรียเข้ายึดครอง ต่อมาเมืองซูซาได้ถูกจักรวรรดิเปอร์เชียอคีเมนียะห์  ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิไซรัสมหาราชเข้ารุกราน และได้กลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิดังกล่าวในเวลาต่อมา… เมืองซูซายังเป็นต้นกำเนิดของละครเรื่อง “เดอะ เปอร์เซียน” ซึ่งแต่งโดยนักประพันธ์ชาวกรีกที่มีชื่อว่า “เอสชิลุส” (บิดาแห่งโศกนาฎกรรมกรีก) และได้ชื่อว่าเป็นละครเก่าแก่ที่สุดที่ยังคงถูกนำมาแสดงอยู่ตราบจนปัจจุบัน ทุกวันนี้เมืองซูซาโบราณได้กลายเป็นเมืองยุคใหม่ภายใต้ชื่อ “ชูสห์”  ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคูเซสถานและมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 1 แสนคน
* 2  อันดับต่อไปนี้ก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกัน *
3. เมืองดามัสกัส (Damascus) ประเทศซีเรีย
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,300  ปีก่อนคริสตกาล
บางตำราระบุว่า “ดามัสกัส” เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก โดยระบุว่าอาจมีการตั้งถิ่นฐานของประชากรมาตั้งแต่สมัย 10,000 ปีก่อนคริสตกาล (ยังคงเป็นที่ถกเถียงอยู่ในปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม การตั้งรกรากถาวรที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเริ่มต้นขึ้นหลังจากชาวอาราเมียนอพยพเข้ามา พร้อมทั้งริเริ่มระบบชลประทาน (คู คลอง) ซึ่งยังคงถูกนำมาใช้เป็นแนวทางในการก่อสร้างระบบชลประทานในปัจจุบัน… ดามัสกัส ถูกรุกรานจากชาติตะวันตกเป็นครั้งแรกโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช หลังจากนั้นได้ตกอยู่ในครอบครองของจักรวรรดิโรมัน ชาวอาหรับ และจักรวรรดิออตโตมันตามลำดับ ปัจจุบัน ดามัสกัส เป็นเมืองหลวงของซีเรียและเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองเก่าซึ่งมีโบราณสถานและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ให้เยี่ยมชมและศึกษามากมาย
3. เมืองอเล็ปโป้ ประเทศซีเรีย
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,300  ปีก่อนคริสตกาล
อเล็ปโป้ เดิมมีชื่อว่าฮาลับ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศซีเรีย (ราว 4.4 ล้านคน) น่าเสียดายที่เมืองใหม่ในปัจจุบันถูกสร้างทับพื้นที่ๆ เป็นเมืองโบราณ ทำให้การสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดีทำได้ยากมาก… ในสมัย 800 ปีก่อนคริสตกาลเมืองฮาลับเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวฮิทไทท์ ก่อนที่จะตกอยู่ภายใต้น้ำมือของจักรวรรดิอัสซีเรีย กรีก และชาวเปอร์เซีย หลังจากนั้น เมืองฮาลับยังถูกยึดครองโดยชาวโรมัน ไบแซนไทน์  อาหรับ และเคยถูกล้อมกรอบ 2 ครั้งในช่วงสงครามครูเสด หลังจากนั้นจึงตกเป็นของชาวมองโกล และจักรวรรดิออตโตมัน ตามลำดับ
2. เมืองบิบลอส (Byblos) ประเทศเลบานอน
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 5,000  ปีก่อนคริสตกาล
เดิมทีเมืองนี้ถูกชาวฟินิเชียตั้งชื่อว่า “เกบัล” ภายหลังถูกตั้งชื่อใหม่เป็น “บิบลอส” โดยชาวกรีกที่นำเข้าต้นกกหรือปาปิรุสจากเมืองดังกล่าว… บิบลอส มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ยุคหินใหม่ (ซากโบราณสถานในยุคดังกล่าวยังคงปรากฏให้เห็นตราบจนปัจจุบัน) จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากมาย  อาทิ วัดของชาวฟินีเชีย ปราสาทบิบลอส โบสถ์เซนต์จอห์น เดอะ แบพทิสต์ (สร้างในสมัยสงครามครูเสด) และกำแพงเมืองในยุคกลาง เป็นต้น
1. เมืองเยริโค (Jericho) ในเขตเวสต์แบงก์ ดินแดนปาเลสไตน์
เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 9,000  ปีก่อนคริสตกาล
เยริโค ตั้งอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมานักโบราณคดีได้ขุดพบหลักฐานทางโบราณคดีมากกว่า 20 แห่งที่บ่งบอกว่ามีการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่องในเมืองเยริโค โดยโบราณสถานเก่าแก่ที่สุดมีอายุมากถึง 11,000 ปี หรือเมื่อ 9,000  ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบัน เป็นบ้านของประชากรราว 20,000 คน

อ้างอิง
http://paow007.wordpress.com/2010/03/15/20-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82/

5 อันดับ สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก

5 อันดับ สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก


ถือเป็นเรื่องยากนัก ที่สองคำอย่าง “คอมมิวนิสต์” และ “สวนสนุก” จะถูกเขียนอยู่ในประโยคเดียวกัน แต่มันได้เกิดขึ้นแล้วที่ สวนสนุก Mangyondae ประเทศเกาหลีเหนือ ด้วยสภาพคอนกรีตที่เกรอะกรัง รางรถไฟเหาะสนิมเขรอะ ชิงช้าสวรรค์สุดมอม ม้าหมุนสุดซอมซ่อ วางล่อเป้าอยู่ในป่ารกสุดสะพรึง ประหนึ่งได้ผ่านสงครามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!
แม้ทั่วโลกจะยกให้เป็นหนึ่งใน สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก แต่ คิม จอง อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2554) ก็พยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า Mangyondae เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งให้ความสุขแก่ประชาชนท่ามกลางสังคมแบบเผด็จการ เรียกว่ามีเพียงเส้นบางๆ ระหว่าง สวนสนุกกับ คอมมิวนิสต์ … ไม่ได้ติดใจที่อารมณ์ แต่คิดว่าจะถล่มเมื่อไหร่..ก็เท่านั้น!
Ferrari World, UAE
ภาพจำของ เฟอร์รารี คือแบรนด์สุดหรูของมหาเศรษฐี แต่กลับเป็น ภาพน่าขำ เมื่อ อาบูดาบี แห่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จับแบรนด์ไฮคลาสมาสร้าง สวนสนุก เฟอร์รารี เวิลด์ และนักท่องเที่ยวไร้มารยาทมักนิยมกินไสไหมแล้วทิ้งเรี่ยราด จนซากสีชมพูเกลื่อนกลาดเต็มพื้น!
รวมถึง Formula Rossa รถไฟเหาะที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลก ก็ทำคนโอ้กอ้าก จนอาเจียนกระจาย เป็นลายจารึกกลิ่นคุ้ง! เหมือนจะมีสิ่งเดียวที่ทำให้ สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก แห่งนี้ ดูแพงสมมาตรฐาน นั่นก็คือ ราคาอาหารและของในร้านกิ๊ฟท์ช้อป อภิมหาแพงจับจิต จนต้องฉุกคิด “หรือจะเก็บเงินไว้ซื้อเฟอร์รารีดีกว่ามั้ย!?”
hijingshan Amusement Park, China
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ สวนสนุก มีมนต์ขลัง คือ เอกลักษณ์อันโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ความพิเศษเฉพาะแบบนี้หามีไม่ ที่ สวนสนุก Shijingshan ประเทศจีน เพราะเล่นเลียนแบบ ดิสนีย์แลนด์ ทุกกระเบียด ช่างเป็นเกียรติเสียจริง!
สมชื่อ ก๊อปปี้แลนด์ แดนมังกรมากๆ เพราะก๊อปแม้กระทั่งตัวการ์ตูน mascot จะต่างก็ตรงที่ส่วนประหลาด กลายเป็น “มิกกี้เมาส์พิการ” ไปซะงั้น แต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายให้ของจริง เพราะถูกดิสนีย์ฟ้องศาลใน ปี ค.ศ. 2007 สวนสนุกที่ (นิสัย) แย่ที่สุดในโลก แห่งนี้ ก็มีอันต้องปิดตัวลง
Fantazyland, Egypt
สวนสนุก ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สุดผ่อนคลาย แต่ไฉน Fantazyland แห่ง อียิปต์ จึงให้อารมณ์เหมือนแดนผีดิบยังไงยังงั้น จิตนาการวัยเยาว์สิ้นสุดลงในบัดดล เมื่อยล “สงัดแลนด์” แห่งนี้
กำแพงงอมด้วยลาย graffiti พื้นตกแต่งด้วยใบไม้อันแห้งเ่ยว นักท่องเที่ยวที่เคย(หลง)มาเยือน สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก แห่งนี้ เอ่ยว่า “ช่างเป็นสวนสนุกที่รกร้าง แม้กระทั่งแม่น้ำยังขี้เกียจจะไหลผ่าน” เง้อ! เจอแบบนี้ก็..เจ็บแต่จบ!
Bon-Bon Land, Denmark
ในแง่จิตนาการ สวนสนุก Bon-Bon ประเทศเดนมาร์ก น่าจะเต็มไปด้วยสีสัน ลูกอม ลูกกวาด สุดน่ารัก แต่ความจริงอาจทำให้กระอัก เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่อุจจาระสุนัขคละเคล้าอ้วกหนู!
และด้วยความที่เป็น สวนสนุก ดึงดูดใจวัยซน แต่กลับมีรูปปั้นสัตว์สัปดนอยู่รายล้อม เช่น หมูจอมลามก แม่วัวนมโต เต่าขี้เมา และ มดผู้ปัสสาวะเรี่ยราด จะว่าไปแล้ว Bon-Bon Land ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย แค่แปลกในทางที่ไม่สร้างสรรค์ งั้นก็เอาตำแหน่งไปละกัน สวนสนุกที่แย่ที่สุดในโลก !

อ้างอิง
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2666257

5 อันดับ สวนสนุกของโลก

 
 

5 อันดับ สวนสนุกของโลก (Mix Magazine)

          ที่สุดของสถานที่แห่งความฝันที่เด็ก ๆ และผู้ใหญ่จากทั่วโลกเฝ้าฝันที่จะไป มันไม่ใช่โรงแรมหรูระดับ  5 ดาว ไม่ใช่ร้านอาหารชื่อดังที่มีเชฟระดับ มิเชลลิน สตาร์ แต่มันคือสวนสนุกแหล่งความบันเทิงที่พร้อมอ้าแขนต้อนรับสำหรับทุก ๆ คน และนี้คือ 5 อันดับ สุดยอดสวนสนุกของโลก ...
Disney

Disney 

          แค่ชื่อดิสนีย์ก็แทบจะบอกทุกสิ่งทุกอย่างของความเป็นสวนสนุกได้แล้ว เพราะดิสนีย์นั้นนับเป็นผู้บุกเบิกให้โลกได้รับรู้ถึงนิยามของคำว่าสวนสนุก โดยปัจจุบันมีสวนสนุกของดิสนีย์อยู่ 5 แห่ง คือ เมืองอันนาไฮม์แคลิฟอร์เนีย-สหรัฐอเมริกา ออร์แลนโด ฟลอริดา-สหรัฐอเมริกา โตเกียว-ประเทศญี่ปุ่น กรุงปารีส-ประเทศฝรั่งเศส และแห่งล่าสุดที่ประเทศฮ่องกง 

          ดิสนีย์มีเครื่องเล่นและการแสดงขบวนพาเหรดมากมาย หลายรอบ อีกทั้งมีโรงแรม ร้านค้าและภัตตาคาร ให้คุณเลือกใช้และอำนวยความสะดวกครบครับ และจะมีเครื่องเล่นใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มอยู่เสมอ
Discovery Cove

Discovery Cove 

          เปิดเมื่อปี 2543 ตั้งอยู่ที่ออร์แลนโดฟลอริดา เป็นสวนสนุกแบบสวนน้ำขนาดย่อม ซึ่งมีการวางแผนงานและการวางผังอย่างดีเยี่ยม โดยจำกัดนักท่องเที่ยวให้เข้าได้เพียงแค่รอบละ 1,000 คนเท่านั้น ซึ่งจากการวางผังและวางระบบมาอย่างดี ก็ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ต้องเข้าคิวเป็นแถวยาว เพื่อรอเล่นเครื่องเล่น เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาในบริเวณแล้ว นักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มแต่ละคนจะมีไกด์คอยนำชมนำเที่ยวสวนน้ำแห่งนี้ 

          ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของ Sea World นักท่องเที่ยวสามารถว่ายน้ำจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งหรือจะนั่งเรือไปก็ได้แล้ว แต่ความปรารถนา จุดดึงดูดที่ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจก็คือ การได้ว่ายน้ำเคียงข้างไปกับปลาโลมานั่นเอง
Cedar Point

Cedar Point 

          สวนสนุกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่รัฐโอไฮโอสหรัฐอเมริก ที่นี่เน้นเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะเป็นพิเศษ สำหรับผู้คนที่คลั่งไคล้ชื่นชอบความโลดโผนระทึกใจ ที่ซีคาร์ พ้อยท์แห่งนี้มีเครื่องเล่นถึง 68 ชนิด และรถไฟเหาะอีก 16 ชนิด เรียกว่ามีมากกว่าสวนสนุกอื่นใด ที่นี่มีเครื่องเล่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวก็คือ Op Thrill Dragster ซึ่งเป็นเครื่องเล่นแนวรถไฟเหาะที่สูงที่สุดและเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูง สุดในโลก โดยจุดสูงสุดอยู่เหนือพื้นดินถึง 420 ฟุต และความเร็วสูงสุดคือ 120 ไมล์ต่อชั่วโมง มีทั้งการเคลื่อนตัวแบบตกติ่งลงจากเบื้องสูง และหมุนม้วนแบบควง 

          ซีคาร์ พ้อยท์ ยังมีเครื่องเล่นชวนหวาดเสียวอีกมากมาย และมีสถานที่เครื่องเล่นบริการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้อะ ครีนาลีนหลั่งเกินไปอีกด้วย
Busch Garden

Busch Garden 

          เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2502 ตั้งอยู่ในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา จุดเด่นของที่นี่คือความเป็นสวนสนุกที่รวมสวนสัตว์เข้าไว้ด้วยกัน บรรยากาศของที่นี่เน้นความเป็นธรรมชาติ มีพื้นที่ป่าโปร่งที่นักท่องเที่ยวสามารถชมความเป็นอยู่ของชีวิตสัตว์ได้ ไม่ว่าจะเป็น ช้าง ม้าลาย แรด กวาง ซึ่งอาศัยอยู่มากมายในพื้นที่กว่า 29 เอเคอร์ ให้บรรยากาศแก่นักท่องเที่ยวเสมือนอยู่ในทุ่งหญ้าแอฟริกา 

          และสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่นี่อีกอย่างหนึ่งก็คือบ้านผีสิง 4 มิติ (Haunted Lighthouse 4D Theater) ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ 3 มิติที่มีเอ็ฟเฟ็กต์พิเศษเพิ่มความสมจริงขึ้นมาอีกมิติหนึ่ง อาทิ ลมระเบิดและฝอยน้ำ ที่ฉีดพวยพุ่งออกมาจากเก้าอี้นั่งของผู้ชมทุก ๆ ที่นั่งอย่างไม่กลัวผู้ชมหัวใจจะวายนั่นเอง
Alton Towers

Alton Towers 

          ไม่น่าเชื่อว่าสวนสนุกอันดับ 1 ของโลก จะมาอยู่ที่เมืองผู้ดีแห่งนี้ นั่นคือเมืองสแตฟฟอร์ตไซร์ ที่อยู่ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางเหนือประมาณ 2 ชั่วโมง อัลตั้น ทวาเวอร์ มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของเครื่องเล่นประเภทรถไฟเหาะทั้งหลาย ซึ่งเป็นแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ทั้งผู้ที่ไปเที่ยวแบบครอบครัวและผู้ที่แสวงหาความมันบนความระทึกใจ ใคร ๆ ก็อยากไปลองเครื่องเล่นใหม่ของที่นี่ที่มีชื่อว่า Black Hole, Submission และ Ripsaw 

          นอกจากเครื่องเล่นแล้ว ภายในบริเวณ อัลตั้น ทาวเวอร์ ยังมีโรงแรม 2 แห่ง และภายในโรงแรม 1 ใน 2 แห่งนี้ยังมีสวนสนุกแบบสวนน้ำสไตล์แคริบเบียนในร่มคอยบริการอีกด้วย ซึ่งในแต่ละฤดูกาลจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.5 ล้านคนเดินทางมาเที่ยวที่นี่ นับว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดในบรรดาสวนสนุกทั่วโลกทีเดียว

อ้างอิง
http://blog.eduzones.com/rangsit/52310